7 กุมภาพันธ์ 2528 ถือเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ของชาวแม่เมาะ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมราชบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ กว่า 34 ปีแล้ว ที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ได้ยืนหยัดเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าหลักอันสำคัญของประเทศ ที่คอยส่งแสงสว่างแห่งความสุขไปยังประชาชนคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง

โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ต้องเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การใช้งานระบบอย่างต่อเนื่องแบบไม่มีวันหยุดเช่นนี้ จะไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น หากไม่ได้รับการบำรุงรักษาโดยทีมงานที่มีศักยภาพ ผู้ปฏิบัติงานทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมีความพยายามในการซ่อมแซมดูแลระบบให้มีเสถียรภาพในการทำงานอยู่เสมอ ถือเป็นความท้าทายของฝ่ายการผลิตโรงไฟฟ้าแม่เมาะและฝ่ายบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ที่ต้องทำงานสอดประสานกัน เพื่อคอยระวังรักษาโรงไฟฟ้าปัจจุบันที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างนาน ให้คงการเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างมั่นคงต่อความต้องการของประชาชนในทุกวินาที หากเปรียบโรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็น 1 ครอบครัว ที่มีสมาชิกถึง 10 คน โรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4-7 ถือเป็นพี่คนโตที่กำลังจะเกษียณอายุจากการทำหน้าที่มาอย่างยาวนาน และส่งไม้ต่อให้กับโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4-7 (MMRP1) น้องเล็กสุดท้อง ที่กำลังถูกเพาะบ่ม ให้สามารถขึ้นมารับหน้าที่ความรับผิดชอบต่อจากพี่คนโตได้อย่างเต็มกำลัง ซึ่งปัจจุบัน MMRP1 กำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบระบบการผลิตให้มีความพร้อมอย่างสูงสุด เพื่อเตรียมจ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการในระยะเวลาอันใกล้นี้ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว หรือ Disruptive Technology ทำให้องค์กรต้องปรับตัวทุกด้านให้ทันกับสถานการณ์ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานโรงไฟฟ้าแม่เมาะสามารถนำนวัตกรรมมาดัดแปลง สร้างสรรค์ พัฒนางาน เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยแต่ละผลงานมีความโดดเด่นและนำมาปรับใช้ได้จริง จนได้รับรางวัลจากเวทีการนำเสนอผลงานการพัฒนางานจากทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังนำระบบมาตรฐานต่างๆ มาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อนำไปสู่การเป็นโรงไฟฟ้าสีเขียว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมได้อย่างแท้จริง แม้การผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อประเทศชาติ จะเป็นภารกิจหลักขององค์กร แต่โรงไฟฟ้าแม่เมาะยังได้คำนึงถึงสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ โดยดำเนินโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และชุมชน (CSR) ด้วยการสนับสนุนการเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งในบริเวณโรงไฟฟ้าแม่เมาะและชุมชนโดยรอบ และเสริมความรู้ในการประกอบอาชีพด้านต่างๆ แก่ชุมชน ตลอดจนทำงานประสานกับหน่วยงานราชการและผู้นำท้องถิ่นเพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชนให้อยู่ร่วมกับโรงไฟฟ้าแม่เมาะอย่างเป็นกัลยาณมิตรและยั่งยืน

ด้วยความใส่ใจทั้งประสิทธิภาพกระบวนการผลิต การปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก ตลอดจนการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับชุมชนให้แน่นแฟ้น จะนำพาให้โรงไฟฟ้าแม่เมาะ สามารถบรรลุเป้าหมายของพันธกิจที่ว่ามุ่งเน้นนวัตกรรมในการผลิตไฟฟ้าให้มีสมรรถนะสูง มั่นคง แข่งขันได้ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และสร้างคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียอย่างสมดุลเป็นโรงไฟฟ้าสีเขียวแห่งความภาคภูมิใจของ กฟผ. และชุมชนตลอดไป