เส้นทางที่ 3 เที่ยวลำปางหน้าฝนยลธรรมชาติ (แม่ทะ-แม่เมาะ-เมืองลำปาง-งาว) มีสถานที่ท่องเที่ยว 15 แห่ง

1.วัดพระธาตุดอยพระฌาน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
2.ชุมชนแกะสลักบ้านหลุก อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
3.ชุมชนบ้านสามขา อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
4.ร้านกาแฟถิ่นไทย อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
5.วัดพระธาตุสันดอน(สะพานขัวแตะ) อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
6.กฟผ.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
7.อินทราเอาท์เลท อ.เมือง จ.ลำปาง
8.พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี อ.เมือง จ.ลำปาง
9.บ้านป่องนัก อ.เมือง จ.ลำปาง
10.ลำปางวัลเลย์ อ.แม่เมาะ
11.สถานีหนีเมียมา อ.แม่เมาะ
12.ภาพเขียนสีโบราณประตูผา อ.แม่เมาะ
13.วัดจองคำ อ.งาว จ.ลำปาง
14.หล่มภูเขียว
15.สะพานโยงงาว อ.งาว จ.ลำปาง

 

“วัดพระธาตุดอยพระฌาน” อ.แม่ทะ จ.ลำปาง พลาดไม่ได้จริงๆ วัดพระธาตุดอยพระฌาน ตั้งอยู่บนดอยสูงจากระดับน้ำทะเล 350 เมตร อากาศ ดี๊ ดี ลมพัดเย็นตลอดทั้งวัน แถมวิวสวย ถูกโอบล้อมไปด้วยป่าและขุนเขาน้อยใหญ่ มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบเมืองได้แบบ 360 องศา ทั้ง 3 อำเภอ คือ แม่ทะ เกาะคา และอำเภอเมืองลำปาง อย่างชัดเจน พระพรชัย อัคควังโส เจ้าอาวาสฯ เล่าว่า เมื่อ 7 ปีก่อน ได้นิมิตว่ามีคนบอกให้ท่านจำพรรษาที่มีพระธาตุสีขาวที่ลำปาง จากนั้นก็ได้เดินทางจากจังหวัดนครราชสีมาลำปาง จนมาพบพระธาตุแห่งนี้ และในปี พ.ศ.2555 ก็ได้เริ่มบูรณะพื้นที่ และสิ่งปลูกสร้างใหม่ ภายในวัดยังไม่มีวิหาร และองค์พระประธานวิหาร จึงพัฒนาวัดก่อสร้างแบบพุทธศิลป์ร่วมสมัย และสง่างามด้วยพุทธสถาปัตย์อันประณีตบรรจง กลายเป็นสถานที่สวยงามศักดิ์สิทธิ์บนยอดดอยสูง ในช่วงฤดูหนาว หากมาสักการะวัดพระธาตุดอยพระฌานในช่วงเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นท่านจะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกรอบตัว มองไปสวยงามสุดลูกหูลูกตา ในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 7 ของทุกปี(ประมาณเดือนมิถุนายน) จะมีการจัดงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุ

 

“ชุมชนแกะสลักบ้านหลุก” อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ตั้งอยู่ที่บ้านหลุก ต.นาครัว มีการแกะสลักไม้ตั้งแต่อดีตสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน เป็นการสืบสานวิธีการใช้มีดและสิ่วแกะสลักรวมถึงความเชื่อ แนวความคิดที่ถ่ายทอดออกมาเป็นลวดลายต่าง ๆ ลงบนแผ่นไม้ด้วยฝีมืออันประณีต มีรูปแบบที่ทันสมัย แต่ก่อนเป็นการทำโดยใช้เวลาว่างจากการทำนา แต่ปัจจุบันได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น จึงได้ผลิตออกจำหน่ายเป็นอุตสาหกรรมภายในหมู่บ้าน

 

“ชุมชนบ้านสามขา” อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ปัจจุบันบ้านสามขา มีจำนวนประชากรประมาณ 170 ครัวเรือน ท่องเที่ยวชุมชนบ้านสามขา ได้สร้างโฮมสเตย์หมู่บ้าน รวมไปถึงกิจกรรมเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน ชิมอาหารพื้นเมือง กิจกรรมเดินป่าสร้างฝายเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบวิถีชีวิตที่อาศัยอยู่กับป่าและธรรมชาติอย่างแท้จริง

ในชุมชนบ้านสามขา ทุกคนสืบทอดวิถีชีวิตเกษตรกรอย่างพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ มีการทำไร่นาปลูกข้าว ปลูกกาแฟ เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย และอื่นๆอีกมากมาย ดำเนินไปบนพื้นฐานของการเกษตรอินทรีย์ทุกครัวเรือน นอกจากส่งผลดีกับสุขภาพของชาวบ้านแล้ว ยังเป็นมิตรกับเราซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเยือนบ้านสามขาอีกด้วย

บ้านสามขาแห่งนี้ ยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เดินสำรวจป่าและชมพันธุ์ไม้พื้นถิ่น มีกิจกรรมลองหุงข้าวประกอบอาหารแบบดั้งเดิมด้วยตัวเอง สำหรับนักท่องเที่ยวท่านไหนชื่นชอบงานศิลป์ ที่นี่ก็มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ลองทำงานศิลปะหัตถกรรมอย่างง่าย ๆ เช่น ทำตุง ทำโคม ตัดพวงมโหตร นำกลับไปเป็นของฝากของที่ระลึกได้

 

“ร้านกาแฟถิ่นไทย” อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟที่บรรยากาศดีมากเลยทีเดียว บรรยากาศภายในตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ส่วนใหญ่เน้นการตกแต่งด้วยไม้ กว้างขวางบรรยากาศร่มรื่น มีเครื่องดื่มให้เลือกมากมาย ทั้งชาเขียว นมเย็น ชามะนาว โกโก้ และยังมีเค้กรสชาติอร่อย หรือใครหิวที่นี่ก็มีบริการอาหารง่าย ๆ เช่น ผัดซีอิ๊ว ผัดไทย ข้าวผัดแหนม และผัดมะกะโรนี ฯลฯ รสชาติอร่อย แถมยังราคาไม่แพงด้วย

 

“วัดพระธาตุสันดอน”(สะพานขัวแตะ) อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เป็นวัดที่มีสะพานไม้ไผ่ที่ ทอดยาว 360 เมตร ผ่านทุ่งนาของชาวบ้าน เริ่มต้นจากบริเวณจุดพักรถใกล้ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ริมถนนสาย 11 ลำปาง-เด่นชัย เชื่อมต่อกับทางทิศตะวันออกบริเวณบันไดนาคของวัดพระธาตุสันดอน สะพานสร้างขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งชาวบ้านได้บริจาคที่นาและไม้ไผ่เพื่อสร้างสะพานขึ้นให้เดินไปยังวัดพระธาตุสันดอน ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้เส้นทางเดิมซึ่งจะใช้เวลามากกว่า

“กฟผ.แม่เมาะ” อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เป็นเหมืองถ่านหินลิกไนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ภายใน กฟผ.แม่เมาะ มีแหล่งท่องเที่ยวมามาก มีทั้งพิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความทันสมัยที่ให้ความรู้ทางธรณีวิทยาบริเวณเหมืองแม่เมาะ รวมทั้งประวัติความเป็นมาของเหมืองและเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้า ในบริเวณเดียวกันมีสวนพฤกษชาติ เป็นสวนสาธารณะที่ประดับด้วยพรรณไม้สวยงาม ภายในสวนยังเป็นที่ประดิษฐาน พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 ผู้ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้สงวนแหล่งถ่านหินที่แม่เมาะเอาไว้ และมีลานสไลเดอร์ เป็นลานพื้นหญ้าที่เทลาดลงสู่บริเวณสนามกอล์ฟ อยู่บริเวณหน้าอาคาร จุดชมวิวของสวนพฤกษชาติ นักท่องเที่ยวสามารถนำกล่องหรือแผ่นรอง สไลด์ลงตามลานพื้นหญ้าเพื่อความสนุกสนาน นอกจากนี้ใน กฟผ.แม่เมาะ ยังมีสนามกอล์ฟที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ มีถึง 18 หลุม เลยทีเดียว และที่อยากแนะนำคือจุดชมวิวและทุ่งบัวตอง เป็นภูเขาเทียมที่เกิดจากการนำดินในบ่อเหมืองมากองเก็บไว้ โดยบนยอดดอยมีสวนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพสวยงาม รวมทั้งทุ่งบัวตองซึ่งจะออกดอก สีเหลืองสดใสในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนธันวาคม

 

“อินทราเอาท์เลท” อ.เมือง จ.ลำปาง ศูนย์จำหน่ายเซรามิกที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดลำปาง ของ บริษัท อินทราเซรามิค จำกัด ในอินทราเอาท์เลทยังมีจำหน่ายสินค้าของโรงงานอื่นๆ ร่วมด้วย กว่า 40 โรงงาน โดยเฉพาะสินค้าของอินทราเอาท์เลท เป็นสินค้าเกรดเอคุณภาพส่งออก มีสีสันสดใสสวยงาม ลวดลายต่างๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอินทราเอาท์เลท ซึ่งมีสินค้าให้เลือกเยอะแยะมากมาย ส่วนด้านนอกอาคารเอาท์เลท บรรยากาศสวยงามตกแต่งไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ มีมุมถ่ายภาพสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย หากนักท่องเที่ยวอยากได้ของฝากของที่ระลึก มาที่อินทราเอาท์เลท รับรองได้ของกลับไปถูกใจแน่นอน

 

 

“พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี” อ.เมือง จ.ลำปาง ชื่อเสียงเรียงนามของชามไก่จังหวัดลำปางช่างเลื่องลือนัก ใครได้มาเที่ยวถึงถิ่นดินแดนไก่ขาวแห่งนี้แนะนำให้ไปย้อนรอยตำนานชามไก่ลำปางที่ “พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี” กันเลย คุณจะตื่นตาตื่นใจกับประวัติศาสตร์ต้นกำเนิดเซรามิคของเมืองลำปาง พร้อมชมเตามังกรโบราณมีอายุกว่า 100 ปี ที่ยังคงสภาพเดิม มาแล้วไม่ต้องสับสนว่าจะชมอะไรก่อนดี ที่นี่มีมัคคุเทศก์นำชมเป็นระยะเวลา 30-40 นาที เริ่มจากไปเยือนอาคารเดิมที่เคยเป็นโรงงานเซรามิก มาตกแต่งใหม่ แยกออกเป็นสัดส่วนเพื่อบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมา และกำเนิดชามตราไก่นครลำปาง

นอกจากนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์ยังได้นำเซรามิกทองคำจิ๋ว ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดในโลก เล็กกว่าเมล็ดข้าวเปลือกมาตั้งโชว์ด้วย ซึ่งจะต้องมองผ่านแว่นขยาย จึงจะเห็นลวดลายอันสวยงามบนถ้วย ชมการสาธิตการผลิตเซรามิคสมัยใหม่ ณ ที่แห่งนี้ ยังมีเวิร์คช็อปสร้างสรรค์งานศิลปะบนเซรามิคด้วยฝีมือของตัวเองอีกด้วย หรือถ้าอยากมานั่งชิลล์ ชิลล์ จิบกาแฟสดหอมกรุ่นรสละมุนสูตรพิเศษของธนบดีก็ได้นะ ว่าแล้วก่อนจะกลับสามารถช้อปสินค้าเซรามิคและของที่ระลึกในราคาโรงงานลดพิเศษกันด้วย ดีต่อใจจริงๆ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 17.00 น. (หยุดพักยกตอนกลางวัน) ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 50 บาท, เด็ก (อายุ 13-18 ปี) 25 บาท

 

“บ้านป่องนัก” อ.เมือง จ.ลำปาง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2468 เพื่อเป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินมณฑลพายัพ และเป็นที่ทรงประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในภาคเหนือ ในปี พ.ศ.2501
“ป่อง” เป็นภาษาคำเมือง แปลว่า “ช่อง”
“นัก” หมายถึง จำนวนมาก
“บ้านป่องนัก” หมายถึง บ้านที่มีช่องหน้าต่างจำนวนมาก
ตัวบ้านสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมยุโรปแบบคลาสสิค สมัยกรีกผสมสถาปัตยกรรมไทย มีลักษณะเป็น อาคารไม้ 2 ชั้นยกพื้้นเตี้ย มีหน้ามุขแบบ 5 เหลี่ยม จำนวน 5 มุข มีช่องลมลายฉลุที่เรียกว่าขนมปังขิง (gingerbread) หน้าต่าง เป็นบานเกล็ดไม้อยู่รายล้อมรอบบ้าน มีจำนวนมากถึง 250 บาน และมีช่องหน้าต่างกว่า 469 ช่อง มีบันไดจำนวน 2 บันได ได้แก่ บันไดด้านหน้าสำหรับเจ้านาย ส่วนบันไดด้านหลัง สำหรับข้าราชบริพาร ซึ่งปัจจุบันบ้านป่องนักเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์มณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี

 

“ลำปางวัลเลย์” อ.แม่เมาะ ร้านอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่บนถนนเส้นลำปาง-งาว ร้านนี้อยู่ท่ามกลางขุนเขาและต้นไม้ บรรยากาศดีด้วยวิวทิวทัศน์ของแนวหน้าผาภูเขาหินปูน สำหรับเมนูหลักของร้านคือเครื่องดื่ม ทั้งกาแฟ ชา นมสด โกโก้ ฯลฯ ราคาไมแพงเริ่มต้นเพียง 25 บาท มีบริการทั้งแบบร้อนและเย็น นอกจากนี้ยังมีบริการเมนูอาหารรสชาติอร่อย และยังมีจุดถ่ายภาพให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายกลับไปเป็นที่ระลึกด้วย

 

“สถานีหนีเมียมา” อ.แม่เมาะ แค่ฟังชื่อก็มีความน่าสนใจเป็นร้านอาหารตามสั่งและร้านกาแฟที่อยู่ห่างจากร้านลำปางวัลเลย์ เพียงไม่ถึง 50 เมตร แน่นอนว่าบรรยากาศคล้ายคลึงกันด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีรสชาติกาแฟที่อร่อย เหมาะสำหรับเป็นจุดแวะพักของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางต่อไปยังอำเภองาว หรือเดินทางต่อไปยังจังหวัดพะเยาและจังหวัดเชียงราย

 

“สะพานโยงงาว” อ.งาว จ.ลำปาง เป็นสะพานแขวนกลางเมือง ตั้งอยู่ระหว่างตำบลหลวงใต้ และตำบลหลวงเหนือ มีที่มาจากการล่องซุงในแม่น้ำงาว การสร้างสะพานจึงสร้างแบบธรรมดาไม่ได้ เพราะ จะทำให้สะพานพังเสียหาย แล้วซุงไม้สักก็จะล่องไปสู่แม่น้ำยมไม่ได้ ดังนั้นสะพานข้ามแม่น้ำงาวจึงถูกสร้างให้เป็นสะพานแขวน โดยมีวิศวะกรผู้ออกแบบ และอำนวยการสร้างสะพานเป็นชาวเยอรมัน สะพานโยงข้ามแม่น้ำงาวนั้นสร้างเมื่อ พ.ศ. 2469 มีความยาว 75 เมตร และกว้าง 6 เมตร เป็นสะพานที่ไม่มีเสา วางโครงเหล็กแบบทางรถไฟ ที่ใช้ไม้หมอนเรียงเป็นลูกระนาด ปูด้วยไม้กระดานทับเฉพาะช่วงล้อรถยนต์ มีทางเท้าทั้งสองข้าง และใช้ลวดสลิงยึดตลอดตัวสะพาน ปัจจุบันสะพานนั้นเปิดให้เดินสัญจรข้ามฟากเท่านั้น สะพานโยงยังถือเป็นจุดถ่ายภาพที่สำคัญที่ห้ามพลาดของนักท่องเที่ยวอีกด้วย

 

“วัดจองคำ” อ.งาว จ.ลำปาง สถานที่แห่งนี้ได้ยกพระมหาเจดีย์พุทธคยา อินเดีย มาไว้ที่วัดจองคำ พระอารามหลวง อ.งาว จ.ลำปาง ใครสัญจรไปมาในเส้นทางลำปาง – อ.งาว สู่จังหวัดพะเยาหรือเชียงราย จะเห็นวัดจองคำตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางธรรมชาติป่าเขา เป็นสถาปัตยกรรมศิลปะแบบไทยใหญ่ ตัววิหารชัยภูมิศิลปะแบบไทยใหญ่หลังเดิมถูกรื้อย้ายมาไปไว้ ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ทั้งนี้เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ได้มีการยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง ซึ่งวัดจองคำได้รับคัดเลือกให้เป็นพระอารามหลวงด้วยในขณะนั้น

ความอลังการและตื่นตาของวัดแห่งนี้ คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่พระเทพปริยัติมงคล (หลวงปู่โอภาส โอภาโส) ได้ดำเนินการก่อสร้างพระมหาเจดีย์พุทธคยา เป็นพุทธคยาที่ถอดแบบมาจากประเทศอินเดีย เหมือนทุกตารางนิ้ว ทั้งแต่ทิศที่ตั้ง ไปจนถึงสถาปัตยกรรม จะต่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ พุทธคยาแห่งนี้ สร้างสูงกว่าประเทศอินเดีย 1 เมตร คือ สูงถึง 53 เมตร ฐานกว้าง 26 คูณ 29 เมตร ใช้งบประมาณจากศรัทธา กว่า 100 ล้านบาท เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน หลวงปู่พร้อมคณะต้องเดินทางไปอินเดียไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง เพื่อเก็บรายละเอียดทุกตารางนิ้ว ปัจจุบันพุทธคยาสร้างเสร็จแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมให้อิ่มบุญอิ่มใจกันได้เลย

 

“หล่มภูเขียว” อ.งาว จ.ลำปาง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท มีลักษณะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ มีความลึกมากจนมองเห็นเป็นสีเขียวมรกต สันนิษฐานว่าแอ่งน้ำแห่งนี้น่าจะเกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลก หรืออาจเกิดจากการยุบตัวของหินปูนซึ่งเคยเป็นเพดานถ้ำมาก่อนแล้วจมลงใต้น้ำ ต่อมากลายเป็นแหล่งรับน้ำและมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก สามารถมาเที่ยวชมความสวยงามได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่น้ำใสเห็นตัวปลาคือตั้งแต่เดือนธันวาคม – เมษายน

 

“สะพานโยงงาว” อ.งาว จ.ลำปาง เป็นสะพานแขวนกลางเมือง ตั้งอยู่ระหว่างตำบลหลวงใต้ และตำบลหลวงเหนือ มีที่มาจากการล่องซุงในแม่น้ำงาว การสร้างสะพานจึงสร้างแบบธรรมดาไม่ได้ เพราะ จะทำให้สะพานพังเสียหาย แล้วซุงไม้สักก็จะล่องไปสู่แม่น้ำยมไม่ได้ ดังนั้นสะพานข้ามแม่น้ำงาวจึงถูกสร้างให้เป็นสะพานแขวน โดยมีวิศวะกรผู้ออกแบบ และอำนวยการสร้างสะพานเป็นชาวเยอรมัน สะพานโยงข้ามแม่น้ำงาวนั้นสร้างเมื่อ พ.ศ. 2469 มีความยาว 75 เมตร และกว้าง 6 เมตร เป็นสะพานที่ไม่มีเสา วางโครงเหล็กแบบทางรถไฟ ที่ใช้ไม้หมอนเรียงเป็นลูกระนาด ปูด้วยไม้กระดานทับเฉพาะช่วงล้อรถยนต์ มีทางเท้าทั้งสองข้าง และใช้ลวดสลิงยึดตลอดตัวสะพาน ปัจจุบันสะพานนั้นเปิดให้เดินสัญจรข้ามฟากเท่านั้น สะพานโยงยังถือเป็นจุดถ่ายภาพที่สำคัญที่ห้ามพลาดของนักท่องเที่ยวอีกด้วย