ผล DNA ใกล้จะออกมาแล้ว เหตุใดคณะสงฆ์จึงรีบด่วนตัดสินให้ต้องอาบัติ
ครูบาบุญปิง กิตติญาโณ พร้อมด้วยพระศักดิ์บดินทร์ เขมปญโญ  ยื่นหนังสืออุธรณ์  หลังคณะกรรมการสงฆ์มีมติให้ต้องอาบัติ  ขอความเป็นธรรม ประชาชนฟังความสองด้าน อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าตนผิด ข่าวที่ออกไปรุนแรงเกินไม่มีความจริง ผลการตรวจ DNA จะพิสูจน์ความจริงทั้งหมด  ไม่นานความจริงจะปรากฏ

 

จากกรณีพ่อของอดีตสามเณรคือ ด.ช.บี (นามสมมติ)  อายุ 14  ปี  ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง  เมื่อวันที่ 6 ส.ค.63 ว่าได้ถูกพระสุรชัย ปิยะลังกา หรือครูบาบุญปิง กิตติญาโณ เจ้าสำนักสงฆ์วัดป่าพระเจ้าอุทุมพร ต.บ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง พร้อมกับพระศักดิ์บดินทร์ เขมปญโญ พระเลขาฯ ได้ล่วงละเมิดทางเพศและทำอนาจาร จนทำให้อวัยวะฉีดและให้คนพาหนีออกมาจากวัดไป

 

ภาพ : อดีตสามเณร

จนกระทั่งวันที่ 21 ส.ค.63 พระทั้ง 2 รูป  ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ครั้งที่ 1 ลงวันที่ 17 ส.ค.63 โดยมี พ.ต.ท.กมล  คิดอ่าน  สว.(สอบสวน) สภ.เมืองลำปาง เป็นเจ้าของคดี  ซึ่งหลังจากรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว  ครูบาบุญปิง กิตติญาโณ และพระศักดิ์บดินทร์ เขมปญโญ  ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา  และได้เข้าให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในวันเดียวกัน

 

ภาพ : 24 สิงหาคม 63 คณะกรรมการสอบอธิกรณ์ครูบาบุญปิง กิตติญาโณ และ พระศักดิ์บดินทร์ เขมปญโญและในวันที่  24 สิงหาคม 63 คณะกรรมการสอบอธิกรณ์ จำนวน 5 รูป ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยพระโพธิญาณรังสี เจ้าคณะจังหวัดลำปาง-แพร่(ธรรมยุต) รองเจ้าอาวาสวัดอนาลโย จ.พะเยา  ได้ทำการสอบอธิกรณ์  ครูบาบุญปิง กิตติญาโณ และพระศักดิ์บดินทร์ เขมปญโญ  ณ วัดสามัคคดีบุญญาราม ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งในวันสอบอธิกรณ์นั้น  คณะกรรมการสอบอธิกรณ์ได้แจ้งว่ามีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพิ่มอีก 2 รูป  รวมเป็น 7 รูป โดยมีพระครูวิสุทธิสีลคุณ เจ้าคณะอำเภอเมืองลำปาง ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสามัคคีบุญญาราม เป็นประธานกรรมการ

 

เอกสารสอบอธิกรณ์ และคำถาม 33 ข้อ แผ่นที่ 1

 

เอกสารสอบอธิกรณ์ และคำถาม 33 ข้อ แผ่นที่ 2

 

เอกสารสอบอธิกรณ์ และคำถาม 33 ข้อ แผ่นที่ 3

 

เอกสารสอบอธิกรณ์ และคำถาม 33 ข้อ แผ่นที่  4ต่อมาวันที่ 2 กันยายน 2563  เวลาประมาณ 16.00 น. พระอธิการนิติรัตน์ ญาณพโล พระวินยาธิการ เจ้าอาวาสวัดม่อนตุ๊ป่า อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง,  และ พระ ดร.นพสิทธิ์ สุทธจิตโต พระวินยาธิการ เจ้าอาวาสวัดม่อนจำศีล บ้านเอื้อม อ.เมือง จ.ลำปาง, พร้อมด้วย พระใบฎีกาชนาเมธ อตฺตทีโป พระวินยาธิการ เจ้าอาวาสวัดถ้ำขุมทรัพย์ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง,  ซึ่งเป็นคณะกรรมการสอบอธิกรณ์  ได้นำหนังสือปรับอาบัติมาส่งให้ครูบาบุญปิง กิตติญาโณ และพระศักดิ์บดินทร์ เขมปญโญ    ได้รับทราบ  โดยได้ขอให้พระทั้ง 2 รูป ทำการลาสิขา  เนื่องจากคณะกรรมการทั้ง 7 รูป มีมติเป็นเอกฉันท์ โดยมีเจ้าคณะจังหวัดลำปาง-แพร่ เห็นสมควร ปรับอาบัติ ปาราชิก และกำหนดให้สละสมณะเพศ ลาสิกขา กลับไปเป็นฆราวาส พ้นจากตำแหน่งหัวหน้าที่พักสงฆ์  ยุติบทบาทในทุกกิจกรรม ภายใน 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.63 เป็นต้นไป

 

ภาพ คณะกรรมการสอบอธิกรณ์ 3 รูป นำหนังสือมาแจ้ง เรื่องปรับอาบัติหลังจากครูบาบุญปิง กิตติญาโณ และพระศักดิ์บดินทร์ เขมปญโญ  ได้ทราบถึงว่ามีหนังสือปรับอาบัติแล้ว  จึงได้ทำหนังสือขออุธรณ์  ยื่นไปยังพระครูวิสุทธิสีลคุณ เจ้าคณะอำเภอเมืองลำปาง ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสอบอธิกรณ์  ในวันที่ 4 ก.ย.63 เวลาประมาณ 16.00 น. แต่พระครูวิสุทธิสีลคุณ ไม่อยู่  จึงให้พระธีระ เตชะธัมโม  ซึ่งเป็นพระเลขา รับหนังสือแทน

สำหรับการยื่นหนังสืออุธรณ์ครั้งนี้  ครูบาบุญปิง กิตติญาโณ และพระศักดิ์บดินทร์ เขมปญโญ  ได้ให้เหตุผลว่า  คณะกรรมการสงฆ์ไม่ได้ให้ความเป็นธรรม  โดยในวันสอบอธิกรณ์ไม่ให้โอกาสทั้งสองนำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ถ้อยคำและพิสูจน์  โดยด่วนสรุปจากพยานหลักฐานของโจทย์เพียงฝ่ายเดียว  ซึ่งหลักฐานของโจทย์ก็ยังไม่ชัดเจน  ไม่เป็นไปตามหลักการรับฟังความทั้งสองฝ่าย  และใช้เวลาในการสอบอธิกรณ์เพียง 2 ชั่วโมง

 

ภาพ : ยื่นหนังสืออุธรณ์ พระธีระ เตชะธัมโม  ซึ่งเป็นพระเลขา รับหนังสือแทน

ครูบาบุญปิง กิตติญาโณ และพระศักดิ์บดินทร์ เขมปญโญ  ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า  มีหลายประเด็นที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม  ทั้งในหนังสือปรับอาบัติที่ได้กล่าวว่า ได้ “พินิจพิเคราะห์จากพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้รับฟัง ถ้อยคำเบื้องต้นจากการให้ถ้อยคำของเด็กชาย หรืออดีตสามเณรผู้เสียหาย”  ซึ่งในข้อนี้หนังสือปรับอาบัติได้บอกว่า  “พินิจพิเคราะห์”  ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการวิเคราะห์เอาเองของคณะกรรมการสงฆ์  และเป็นเพียงการรับฟังถ้อยคำเบื้องต้นจากอดีตสามเณรเท่านั้น ไม่มีหลักฐานชัดเจน และในทางคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ยังไม่ได้มีการตัดสิน ขณะนี้ยังอยู่ขั้นตอนของการสอบปากคำเพิ่มเติม และการสอบพยานแวดล้อมเพิ่ม ก่อนจะทำการสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณา  และในวันสอบอธิกรณ์  คณะกรรมสงฆ์ทั้ง 7 รูป  ไม่ได้มีการสอบพยานของตนแต่อย่างใด  ทั้งๆที่ตนได้นำพยานไปเป็นจำนวนมาก  และในการสอบอธิกรณ์ครั้งนั้น  มีคำถามจากคณะกรรมสงฆ์  33 ข้อ  ซึ่งคำถามทั้งหมด  เป็นคำถามที่ยังไม่สามารถจะสรุปและตัดสินได้ว่าตนกระทำผิด  ส่วนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ คือ ผลการตรวจชันสูตรบาดแผล และร่างกาย ร่องรอยการถูกกระทำ จากแพทย์โรงพยาบาลลำปาง  ที่คณะสงฆ์ได้ใช้เป็นเหตุผลให้ต้องอาบัติ  ซึ่งในเรื่องนี้เป็นเพียงแค่ผลตรวจร่างกายของอดีตสามเณร ที่ได้ไปตรวจร่างกายก่อนเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2563 ซึ่งผลการตรวจคือรูทวารมีบาดแผลจริง แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการให้รายละเอียดเชิงลึกว่า บาดแผลนี้มาจากไหนใครเป็นคนทำ แล้วบาดแผลเกิดขึ้นนานเท่าใด  เนื่องจากอดีตสามเณรได้แจ้งความว่า โดนกระทำชำเราล่าสุดเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2563 แต่มาแจ้งความเอาวันที่ 6 สิงหาคม 2563 ซึ่งระยะเวลาผ่านมาเป็นเดือนแล้ว และหลักฐานการตรวจร่างกายของอดีตสามเณร ก็ยังไม่ได้มีการชี้ชัดว่าตนเป็นผู้กระทำ

ครูบาบุญปิง กิตติญาโณ กล่าวอีกว่า ในหนังสือปรับอาบัติยังได้กล่าวว่า “คณะกรรมการสอบอธิกรณ์ ร่วมกันพิจารณาตามหลักอริยวินัย โดยถือเอาพระธรรมวินัยเป็นที่สุดแห่งฝ่ายสงฆ์ ได้ความเป็นที่ประจักษ์ชัด และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ได้ประพฤติผิดพรรมจรรย์จนทำให้น้ำอสุจิเคลื่อนออกมา”  ในเรื่องนี้ตนของชี้แจงว่า  พยานและหลักฐานยังไม่ชัดเจน  ทำไมคณะสงฆ์ถึงได้กล่าวว่า “ได้ความเป็นที่ประจักษ์ชัด”  ทั้งๆที่ไม่มีพยานและหลักฐานใดๆมาแสดง  มีแต่เพียงคำกล่าวอ้างของอดีตสามเณรที่ให้ถ้อยคำ  ส่วนคำกล่าวอ้างของคณะกรรมการสงฆ์ที่บอกว่า “มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า”  ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่าไม่เป็นธรรมอย่างมาก  เนื่องจากคณะกรรมการสงฆ์ได้ใช้ความเชื่อมาตัดสินตน  มากกว่าใช้พยานและหลักฐาน

 

ภาพ : อังสะ  ที่อดีตสามเณรนำไปเป็นหลักฐานว่าเป็นผ้าของครูบาบุญปิง ที่มีคราบอสุจิติดอยู่สำหรับในส่วนที่อดีตสามเณรได้อ้างว่ามีหลักฐานซึ่งเป็นคราบอสุจิที่ติดอยู่บนอังสะของตน ซึ่งอดีตสามเณรได้เก็บไว้และนำส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว  และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจ DNA ของตนแล้ว ซึ่งไม่นานผลการตรวจ DNA ก็จะออกมา ทำไมคณะสงฆ์ถึงรีบด่วนตัดสินตนให้ต้องอาบัติ ปาราชิก ไม่รอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์  ซึ่งจะชัดเจนและโปร่งใสที่สุด

 

หนังสือคณะสงฆ์ปรับอาบัติ แผ่นที่ 1

 

หนังสือคณะสงฆ์ปรับอาบัติ แผ่นที่ 2

 

หนังสือคณะสงฆ์ปรับอาบัติ แผ่นที่  3

 

หนังสือคณะสงฆ์ปรับอาบัติ แผ่นที่ 4

ส่วนในเรื่องคดีที่ทางพ่อของอดีตสามเณรไปร่วมกันแจ้งความกับตน  ซึ่งไม่เป็นความจริง  โดยเฉพาะเรื่องที่อดีตสามเณรอ้างว่าถูกกระทำชำเราและได้ให้พระที่เป็นลุงพาหนีออกมา  เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน  เพราะพระลุงได้เข้าไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่แรกที่เป็นข่าวแล้วว่า ไม่ได้มีการพาหนีแต่อย่างใด  ส่วนคนขับรถที่มารับอดีตเณรออกจากที่พักสงฆ์ไป  ก็ได้เข้ามาให้ปากคำแล้วเช่นกันว่าได้มารับอดีตสามเณรจริง ณ ที่พักสงฆ์  และไม่ได้มีการหนีตามคำให้การของอดีตสามเณร และตามที่เป็นข่าว  สาเหตุที่คนขับรถไปรับอดีตสามเณร  เนื่องจากพระลุงไม่ได้อยู่ลำปาง แต่อยู่ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงส่งคนให้มารับ ส่วนสาเหตุที่อดีตสามเณรต้องออกจากวัดไป เนื่องจากกระทำผิดกฎของวัดอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่ได้โดนกระทำชำเราและหนีออกจากวัดไปอย่างที่อดีตสามเณรแจ้งความและเป็นข่าว  ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้อยู่ในสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว  ส่วนในเรื่องของข่าวที่ออกไปทางสื่อนั้น  ตนคิดว่ารุนแรงเกินไปไม่มีความจริง  เป็นการนำเสนอข่าวของทางด้านอดีตสามเณรเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ถ้าสังเกตจะทราบว่าข่าวที่ออกไปไม่มีนักข่าวคนไหนมาหาข้อมูลทางด้านของตนและนำไปออกข่าวเลย  ทำให้ประชาชนได้รับข่าวสารที่รุนแรงและเข้าใจผิดประณามตนเสียหายอย่างมาก และลามไปถึงครอบครัว  จึงอยากขอความเป็นธรรมให้ตนบ้างฟังความทั้งสองด้าน  พิจารณาก่อนจะตัดสินว่าตนกระทำผิด

ส่วนอีกเรื่องที่สำคัญ คือ วันและเวลาที่อดีตสามเณรได้ให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ  ว่าโดนกระทำชำเราวันนั้น เวลานี้  ซึ่งตนมีหลักฐานแสดงชัดเจนว่าตนอยู่ที่ไหนและทำอะไร สำหรับสาเหตุอะไรนั้นที่ทำให้อดีตสามเณรต้องแจ้งความใส่ร้ายตน  ตนได้ให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ตอนนี้เป็นขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ  รวมถึงตนได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ก.ย.63 เวลาประมาณ 13.00 น. ครูบาบุญปิง กิตติญาโณ พร้อมกับพระศักดิ์บดินทร์ เขมปญโญ  ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองลำปาง  ดำเนินคดีพ่อของอดีตสามเณร  และอดีตสามเณร รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั่งหมด  โดยกล่าวหา “รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น  แต่เจ้งความแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าหนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด ” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 138, 172 และมาตรา 173

 

ภาพ : ครูบาบุญปิง กิตติญาโณ พร้อมกับพระศักดิ์บดินทร์ เขมปญโญ  ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองลำปาง