เจ้าอาวาสวัดศรีรองเมือง รับมอบพระพุทธรูปหยกขาวคืน ด้านตำรวจเตรียมออกหมายจับ ชายผู้ก่อเหตุพบประวัติเคยติดคุกมาถึง 8 ปี เพิ่งพ้นโทษเมื่อปี 59
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 30 พ.ย. 60 พระอธิการชลฌาทิศ เจ้าอาวาสวัดศรีรองเมือง ตั้งอยู่เลขที่ 80 ถ.ท่าคราวน้อย ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง ได้เข้าพบ พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม ผกก.สภ.เมืองลำปาง พ.ต.ท. จิรัฎฐ์ จิรพัชศิรพร รอง ผกก.สส. เพื่อรับพระพุทธรูปหยกขาวศิลปะพม่า อายุกว่าร้อยปีคืน หลังจากถูกคนร้ายเป็นชายและหญิง 2 คน ขโมยไปจากแท่นที่ประดิษฐานภายในพระวิหารวัด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา และได้นำไปขายในตลาดพระ ย่าน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ กระทั่งผู้รับซื้อได้ทราบข่าวว่าพระพุทธรูปองค์ที่ตนเองรับซื้อไว้ เป็นพระที่ถูกขโมยมาจากวัดศรีรองเมือง จ.ลำปาง จึงได้ติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนลำปาง นำโดย พ.ต.ท. จิรัฎฐ์ จิรพัชศิรพร รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.พิรชัช ปากเพรียว สว.สส. และนัดส่งพระพุทธรูปคืนที่ สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยให้การว่า เมื่อสองวันก่อนมีชายคนหนึ่งนำพระพุทธรูปมาขายให้ตนเองจึงรับซื้อไว้ในราคา 10,000 บาท ไม่ทราบว่าเป็นพระที่ถูกขโมยมา เมื่อเห็นข่าวก็ตกใจมาก จึงได้รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำพระมาคืนทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้แจ้งความเอาผิดแต่อย่างใด เนื่องจากเห็นว่าผู้รับซื้อไม่ทราบและได้แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการนำพระมาคืนแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนลำปางจึงขอรับพระพุทธรูปกลับมาที่ สภ.เมืองลำปาง เพื่อส่งคืนให้กับพระอธิการชลฌาทิศดังกล่าว
พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม ผกก.สภ.เมืองลำปาง กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบหาตัวคนร้ายจากภาพวงจรปิดของวัดที่ติดตั้งไว้ ซึ่งจับภาพได้อย่างชัดเจน กระทั่งทราบว่าคนร้ายผู้ชายที่ก่อเหตุคือ นายบุญทอง วงศ์คำตัน อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 266 ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง นอกจากนั้นยังพบว่าประวัติเคยต้องโทษติดคุกในคดีอนาจาร เป็นเวลา 8 ปี และเพิ่งจะพ้นโทษเมื่อปี 59 ที่ผ่านมา และพบว่ามาก่อเหตุขโมยพระพุทธรูปอีกครั้ง ส่วนผู้หญิงที่ไปด้วยกันนั้นทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบหาตัวอยู่ว่าเป็นใคร คาดว่าเป็นคนใกล้ชิด และจะหาตัวได้ในไม่ช้านี้
หลังจากส่งมอบคืนพระพุทธรูปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้นำพระพุทธรูปมาส่งให้ที่วัดศรีรองเมือง ทางเจ้าอาวาสได้ให้ศีลให้พร จากนั้นจึงนำพระพุทธรูปหยกขาว ไปประดิษฐานไว้ที่แท่นด้านใน ซึ่งจะมีราวเหล็กกั้นไว้ไม่ให้คนนอกเข้าไปได้ เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้ต่อไป