เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่คลังน้ำมันนครลำปาง อ.สบปราบ จ.ลำปาง นายพลากร สุวรรณรัฐ ประธานกรรมการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบิน กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) เป็นประธานในพิธีเปิดระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ (บางปะอิน-นครลำปาง)  ซึ่งเป็นระบบท่อขนส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดและทันสมัยที่สุดของประเทศ  โดยมี หม่อมราชวงศ์ศุภดิศ ดิศกุล ประธานกรรมการบริหาร และหม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนายลอยเลื่อน บุนนาค ประธานคณะกรรมการบริหารโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมัน และคลังน้ำมันไปภาคเหนือ นายเจริญ จารุไสลพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อจำกัด (FPT) ร่วมในพิธี

สำหรับเปิดระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ (บางปะอิน-นครลำปาง) ในครั้งนี้ เป็นโครงการ ระยะที่ 2 จากสถานีเพิ่มแรงดันและแยกระบบท่อกำแพงเพชร ไปยังคลังน้ำมันนครลำปาง อ.สบปราบ จ.ลำปาง (กำแพงเพชร-ลำปาง) ระยะทาง 209 กิโลเมตร เพื่อให้บริการน้ำมันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน  สำหรับโครงการระยะที่ 1 ส่วนต่อขยายจากท่อขนส่งน้ำมันเดิมของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อจำกัด (EPT) จากคลังน้ำมันบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปยังคลังน้ำมันพิจิตร อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร (บางปะอิน-กำแพงแพชร -พิจิตร) ระยะทาง 367 กิโลเมตร เพื่อให้บริการน้ำมันในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง  รวมระยะทางทั้งสิ้น 576 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระบบท่อขนส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดในประเทศ โดยมีความสามารถในการขนส่งน้ำมันได้ 9,000 ล้านลิตรต่อปี  โดยได้มีการก่อสร้างโดยใช้งบประมาณถึง 10,900 ล้านบาท

นายพลากร สุวรรณรัฐ ประธานกรรมการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BAFS) กล่าวว่า โครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือเป็นโครงการที่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงพลังงาน ที่มอบหมายให้บริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการในโครงการนี้ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันและเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากรถบรรทุกน้ำมัน ลดมลพิษ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งเป็นการรองรับการเจริญเติบโตของการเปิดท่าอากาศยานแห่งใหม่ทางภาคเหนือ การพัฒนาประเทศด้านการขนส่งพลังงานและรองรับเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเชียน (AEC)

โครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ ได้ก่อสร้างแล้วสร็จสมบูรณ์และพร้อมเปิดให้บริการได้ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาและอุปสรรคมากมายเพียงไร เราจะต้องทำโครงการนี้ให้สำเร็จ โดยยึดพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นแบบอย่างที่ว่า “การจะทำธุรกิจอะไรก็ตามให้ยึดถือผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นสำคัญ”

หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการก่อสร้างระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ เป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินการและอยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของรัฐบาล กระทรวงพลังงาน  จึงมีข้อตกลงให้กลุ่มบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS Group เป็นผู้ลงทุนกว่า 10,900 ล้านบาท  โดยมี FPT ซึ่งเป็นบริษัทในเครือและเป็นผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อมากว่า 30 ปี เป็นผู้บริหารระบบท่อขนส่งน้ำมันและคลังน้ำมันที่สามารถขนส่งน้ำมันอากาศยาน น้ำมันดีเซล  น้ำมันเบนซิน น้ำมันเบนซินพื้นฐานออกเทน 91 และ 95 ในท่อเดียวกันโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือนับเป็นท่อขนส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดและทันสมัยที่สุดของประเทศเป็นการขนส่งน้ำมันทางท่อเป็นการขนส่งที่ใช้ไฟฟ้าแทนการใช้น้ำมัน จึงทำให้ FPT  ได้ Carbon Credit จากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ต่ำกว่า 30,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

ดังนั้น ผู้ค้าน้ำมันที่ต้องรับน้ำมันจากโรงกลั่นเดิมจากมาบตาพุด จ.ระยอง  ก็ไม่ต้องขับรถไปไกล เพราะเรามีระบบขนส่งน้ำมันทางท่อที่ฝังอยู่ใต้ดินความลึกประมาณ 6-8 เมตร ซึ่งมีความปลอดภั ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือมีโอกาสใช้น้ำมันในราคาที่ใกล้เคียง กับกรุงเทพฯ จ.ลำปาง เป็นจังหวัดยุทธศาสตร์ของภาคเหนือ อยู่ใกล้พื้นที่สำคัญหลายแห่ง การคมนาคมสะดวก เป็นจังหวัดที่เหมาะสมด้านการเก็บสำรองน้ำมันและรองรับการเจริญเติบโตของภาคเหนือ  การขยายโครงการในอนาคตขึ้นอยู่กับการพิจารณาร่วมกันหลายภาคส่วนว่าความจำเป็น หรือการลงทุนเพิ่มเติมหรือไม่  ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงส่งออกน้ำมันจากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มีความสะดวก รวดเร็วขึ้น

หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล  กล่าวอีกว่า  สำหรับสิ่งที่ชาวลำปางจะได้ประโยชน์ก็คือ การลดค่าขนส่งน้ำมันจากเดิมที่ต้องใช้รถขนส่ง มาเป็นระบบขนส่งทางท่อ ทำให้ราคาหน้าปั๊มน้ำมันที่ชาวลำปางรับซื้อในอนาคตจะมีราคาถูกลง คุณภาพชีวิตดีขึ้น รวมทั้งมลพิษต่างๆจากการขนส่ง เช่น ฝุ่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะหายไป  และสังคมดีขึ้น พี่น้องรอบข้างที่เป็นเกษตรกรในพื้นที่ได้มีการทำโครงการปลูกผักร่วมกัน เป็นเกษตรอินทรีย์ ชาวบ้านมีรายได้เสริม

ปัจจุบันมีผู้ค้าน้ำมันที่ปรับตัวเร็ว ได้ปิดคลังเดิมที่มีอยู่และมารับน้ำมันจากเราไป โดยไม่ได้แบ่งแยกยี่ห้ออยู่แล้ว ข้อดีของผู้ค้าน้ำมันคือได้ประหยัดค่าใช้จ่ายลง  เราจะเริ่มเห็นผู้ค้าปรับเปลี่ยนมากขึ้น วันข้างหน้าหากผู้ค้ารายใหญ่เห็นว่าการที่รับน้ำมันในคลังของเราทำให้เกิดประโยชน์ และลดค่าใช้จ่ายได้จริง สามารถลดราคาน้ำมันได้จริง เชื่อว่าเขาก็จะต้องย้ายมารับน้ำมันที่เรา