เจ้าคณะตำบลผิดสัจจะ หลังลั่นวาจาจะปลดรักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรม หากไม่มากล่าวขอโทษฆราวาสต่อหน้า เหตุกล่าวหาศรัทธาโกงเงินวัด สุดท้ายรักษาการเจ้าอาวาสไม่มา และไม่ยอมปลดออกจากตำแหน่ง
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2560 เวลา 14.00 น. นายยุทธการ บุรพเกียรติ์ พร้อมครอบครัว และชาวบ้านกว่า 30 คน ได้เดินทางไปยังวัดท่าคราวน้อย ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง ตามคำนัดหมายของพระครูโสภณพิพัฒนาทร เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย เจ้าอาวาสวัดท่าคราวน้อย เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายระหว่างพระครูไกรสรวิลาส รักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรม และครอบครัวของนายยุทธการ โดยพระครูไกรสรวิลาส ต้องมาขอโทษครอบครัวบุรพเกียรติ์ ในเรื่องที่ได้กล่าวหาและใส่ร้ายครอบครัวบุรพเกียรติ์ว่าโกงเงินวัดดำรงธรรม ซึ่งในการนัดไกล่เกลี่ยได้มีพระผู้ใหญ่ 5 รูป ได้แก่ พระครูพิบูลสมณธรรม เจ้าคณะตำบลพระบาท เขต 1 เจ้าอาวาสวัดสิงห์ชัย, พระครูอินทร์คำ อินทะปุโร วัดศรีชุม, พระอธิการชลฌาทิศ ชิตฺโต เจ้าอาวาสวัดศรีรองเมือง, พระครูโสภณขันตยานุยุต เลขานุการองเจ้าคณะอำเภอเมืองลำปาง วัดนาก่วมเหนือ, พระฤทธี กตปุญโญ มาร่วมรับฟังและเป็นสักขีพยานด้วย
โดยนายยุทธการ ได้แจ้งผ่านทางพระครูโสภณพิพัฒนาทร เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย ว่าหากต้องการให้ไกล่เกลี่ย ต้องให้พระครูไกรสรวิลาสมาขอโทษต่อหน้าครอบครัวของตน และขอโทษผู้ที่เคยเป็นศรัทธาวัดดำรงธรรมที่ได้ลาออกจากไวยาวัจกรวัด พร้อมกล่าวขอโทษครอบครัวผ่านทางสื่อท้องถิ่นจังหวัดลำปาง จำนวน 6 สำนักข่าว และขอโทษผ่านทางเฟสบุ๊คส่วนตัวของพระครูไกรสรวิลาศ และทางเจ้าคณะตำบาลจะต้องทำหนังสือว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร และหากพระครูไกลสรวิลาสยังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยจะต้องดำเนินการปลดออกจากตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรมทันที
ซึ่งทางเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยได้นำเรื่องไปแจ้งให้พระครูไกรสรวิลาสทราบแล้ว และรับปากว่าพระครูไกรสรวิลาสจะมาตามนัดไกล่เกลี่ย และยินยอมจะทำตามข้อตกลง หากไม่มาตามนัดจะปลดออกจากตำแหน่งทันที แต่ปรากฏว่าถึงวันและเวลานัดหมาย พระครูไกรสรวิลาส ไม่ได้เดินทางมาตามนัดแต่อย่างใด เมื่อนายยุทธการทวงถามเรื่องที่เจ้าคณะตำบลรับปากว่าหากพระครูไกรสรวิลาส ไม่มาไกล่เกลี่ย จะปลดออกจากตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรม ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยง และไม่ได้มีการปลดพระครูไกรสรวิลาสออกจากตำแหน่งตามที่เจ้าคณะตำบลได้กล่าวไว้
ทางด้าน พระเถระทั้ง 5 รูป ได้ให้ความเห็นในทางเดียวกันว่า เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย ควรทำตามข้อตกลงที่ได้ให้ไว้กับชาวบ้าน หากผิดคำพูดจะทำให้ไม่มีผู้เคารพนับถือ แต่ในที่สุดเจ้าคณะตำบลก็ยังยืนยันที่จะปฏิเสธการทำหนังสือปลดพระครูไกรสรวิลาศออกจากตำแหน่ง โดยอ้างว่าการปลดนั้นจะต้องเห็นชอบร่วมกันทั้งเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัด
นายยุทธการ กล่าวว่า ตนเองได้ร้องเรียนผ่านทางพระครูโสภณพิพัฒนาทร เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย เพื่อขอให้ปลดพระครูไกรสรวิลาสออกจากตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรม เนื่องจากเห็นว่า พระครูไกรสรวิลาสไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำของวัดฯ เนื่องจากอายุยังน้อยมีอายุเพียง 23 ปี ขาดวุฒิภาวะ สร้างความแตกแยกให้กับศรัทธาในวัด และกล่าวหาศรัทธาที่มาทำบุญกับทางวัด ทำให้วัดและพระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย แต่ทางเจ้าคณะตำบลได้ขอให้เจรจาไกล่เกลี่ย ซึ่งตนก็ยอม พร้อมกับได้แจ้งข้อตกลงให้กับทางเจ้าคณะตำบล นำไปแจ้งให้กับพระครูไกรสรวิลาสทราบ ว่าจะต้องขอโทษครอบครัวของตน ทางเจ้าคณะตำบลได้แจ้งกลับมาว่า พระครูไกรสรวิลาสทราบแล้วและยินดีทำตามข้อตกลง นอกจากนั้นทางเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย ยังได้พูดคุยและตกลงกับครอบครัวของตนว่า หากพระครูไกรสรวิลาสไม่มาตามนัดหมาย จะทำหนังสือปลดออกจากรักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรมทันที จึงได้มีการนัดไกล่เกลี่ยกันทั้ง 2 ฝ่าย
นายยุทธการ กล่าวต่อว่า แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย พระครูไกรสรวิลาส ไม่ได้มาตามนัด ซึ่งเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยก็ได้แจ้งไปแล้ว และได้โทรศัพท์ตามหลายครั้ง อ้างว่าไม่สามารถติดต่อได้ ตนและครอบครัวรวมทั้งศรัทธาที่รอฟังคำตอบในเรื่องนี้ ได้รอนานถึง 3 ชั่วโมง พระครูไกรสรวิลาสก็ยังไม่มา เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยจึงได้ขอเลื่อนวันไกล่เกลี่ยออกไปเป็นวันอื่น ซึ่งตนยังคงยืนยันคำพูดที่ได้ตกลงกับเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยตั้งแต่แรก คือหากไม่มาวันนี้ จะต้องทำหนังสือปลดออกจากรักษาการเจ้าอาวาสทันที ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าคณะอำเภอได้ทราบเรื่องแล้วและได้ให้เจ้าคณะตำบลดำเนินการได้เต็มที่ แต่เจ้าคณะตำบลกลับไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ ตนและครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม จากพระผู้ใหญ่ตามสัจจะที่ท่านได้ให้ไว้
นายยุทธการ กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบถึงสาเหตุว่าทำไมพระครูไกรสรวิลาสไม่มาพูดคุยเพื่อไกล่เกลี่ย ถึงแม้ครั้งนี้ตนและครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย และเห็นว่าเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยปกป้องพระครูไกรสรวิลาส ตนก็จะไม่ขอความเป็นธรรมจากที่นี้อีก แต่ตนก็จะดำเนินการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่กำกับดูแลพระสงฆ์ต่อไป รวมถึงจะดำเนินตามกฎหมายในคดีหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ต่อไป เพื่อขอความเป็นธรรม และทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เหตุเพราะพระสงฆ์ประพฤติปฏิบัติเยี่ยงฆาราวาส กล่าวหาว่าร้ายผู้อื่นโดยที่ไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ เรื่องเกิดจากที่ทางครอบครัวบุรพเกียรติ์ได้เข้ามาเป็นเจ้าภาพในการสานต่อทำพระพุทธรูป ที่ทางวัดดำรงธรรมได้สร้างค้างคาไว้ ขนาดหน้าตัก 6 ม. สูง 9 ม. และได้เข้ามาทำฉัตรหลวง 9 ชั้น เพื่อประดิษฐานไว้เหนือเศียรพระพุทธรูป และทางครอบครัวบุรพเกียรติ์ได้เข้ามาดำเนินการทำจนแล้วเสร็จ และได้มีการประกอบพิธีถวายเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนาไปเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2560 หลังจากนั้นเพียง 1 วัน พระครูไกรสรวิลาส ได้กล่าวหาว่าครอบครัวบุรพเกียรติ์ ว่าเป็น 18 มงกุฎ ขโมยเงินวัดไป และขโมยเงินซองในวันงานที่มีแขกผู้มีเกียรติได้มาร่วมทำบุญ อีกทั้งยังกล่าวหาว่าครอบครัวบุรพเกียรติ์ ไปหลอกเอาเงินวัดมาหลายที่ เอาชื่อวัดดำรงธรรมไปหากิน และแอบทำซองวัดไป แจกและได้พูดจากล่าวหาว่า นางตีคณา บุรพเกียรติ์ เคยเป็นแม่เล้ามาก่อน ทำให้ครอบครัวบุรพเกียรติ์ได้รับความเสียหายจนเป็นเหตุทำให้ศรัทธาทั่วไปเข้าใจครอบครัวบุรพเกียรติ์ผิด และยังส่งข้อความใส่ร้ายไปทางไลน์ให้กลุ่มชาวบ้านทั่วไป ชาวบ้านที่ไม่รู้ความจริงจึงหลงเชื่อ ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด กระทั่งพระครูไกรสรวิลาส ต้องจำนนด้วยหลักฐานและออกมายอมรับว่าได้ใส่ร้ายครอบครัว บุรพเกียรติ์จริง จึงได้ร้องเรียนและเรียกร้องให้เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย พิจารณาพฤติกรรมของพระครูไกรสรวิลาส และมีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกัน แต่พระครูไกรสรวิลาสก็ไม่มาตามนัดหมายดังกล่าว…
ติดตามรายละเอียดที่มาของข่าวเพิ่มเติมได้ที่ http://www.geukma.com/4276
หลักฐานคลิปเสียงพระครูไกรสรวิลาส รักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรม ใส่ร้ายศรัทธาชาวบ้าน
หลักฐานทางไลน์ที่พระครูไกรสรวิลาส รักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรม ใส่ร้ายศรัทธาชาวบ้านผ่านทางไลน์